มาทำความรู้จักกับ “Minchaya Chayosumrit” นักออกแบบคอลเลคชั่นใหม่ไม่เหมือนใครให้กับแบรนด์ Uniqlo

ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วคงจะกลายเป็นวันแห่งการพักผ่อน หรือการออกเดินทางท่องเที่ยวของใครหลายๆคน แต่วันนี้เรากลับยินดีที่จะตื่นขึ้นมาแล้วออกเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เพื่อพบเจอและรับรู้เรื่องราวของผู้หญิงที่หลงใหลและคลุกคลีอยู่กับงานศิลปะและการออกแบบเป็นชีวิตจิตใจ อย่างคุณ Minchaya Chayosumrit เธอทำงานอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวของภาพงานศิลปะ นอกจากบทบาทการเป็นนักออกแบบดีกรี Graphic artist แล้ว เรายังพบว่าเธอยังเป็นหญิงสาวที่ชีวิตไม่เคยหยุดนิ่ง พร้อมที่จะคิดและสร้างสรรค์ออกแบบผลงานอยู่เสมอ ความรักและความหลงใหลที่มีต่องานศิลปะนั้น ทำให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคาแรกเตอร์เฉพาะของตัวเธอ

หากพูดถึงแบรนด์ Uniqlo ทุกคนคงจะถึงนึกเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ไม่ตกเทรน แถมยังทันสมัยตามฤดูกาล ด้วยการออกแบบลวดลายเสื้อที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Uniqlo จากที่เรากล่าวไปข้างต้นนั้น คุณ Minchaya Chayosumrit นักออกแบบดีกรี Graphic artist ได้มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับแบรนด์ Uniqlo ในคอลเลคชั่นใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยลายเส้นที่ดูเรียบง่าย ไม่จำเจ นอกจากวันนี้จะพาไปดูผลงานการออกแบบกันแล้ว เราก็จะพาไปอัพเดตชีวิตในการทำงานของเธออีกด้วย

Minchaya Chayosumrit

Interview

ส่วนใหญ่ถ้าพูดงานศิลปะจะนึกถึงกราฟิกดีไซน์ นักวาดภาพประกอบ แต่งานขายภาพพิมพ์ที่คุณมินทำอยู่นั้น ช่วยอธิบายได้ไหมว่า คืองานอะไร และแตกต่างกันอย่างไร

ตอนนั้นอาจารย์ก็ถามเราว่าเราจะเป็นนักออกแบบหรือว่าเป็นศิลปิน เพราะว่างานที่เราคิดแบบวิธีของนักออกแบบ ซึ่งผลลัพธ์ออกมามันก็เหมือนเป็นงานศิลปะได้ด้วย ที่นี้เราก็ยังไม่ได้หาคำตอบในตอนนั้นหรอก ก่อนจะกลับมาไทยเราก็ได้เห็น graphic designer นักวาดภาพประกอบที่เขาทำงานพิมพ์ แล้วก็พิมพ์งานของตัวเองด้วยมือ ตอนนั้นเราก็คิดว่าเป็นวิธีที่สามารถนำไปต่อยอดอะไรได้เยอะ เหมือนกับเราออกแบบสื่อ เราสามารถผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ที่เราออกแบบด้วยตัวเองได้มากกว่าแค่หนึ่งชิ้น พอเรากลับไทยก็มาหาข้อมูลเพิ่มเติม เราไม่ได้เรียนด้านการพิมพ์ที่ลอนดอน แต่ว่าไปเห็นมานิดหน่อยก็เลยกลับมาศึกษาด้วยตัวเองที่นี่

และงานที่เขียนด้วยมือก็ดูคล้ายๆกัน คือ ทุกอย่างเหมือนเราพูดถึงการ pre-production ด้วย การผลิตซ้ำในยุคที่มันผลิตซ้ำได้ง่ายๆ มันก็เลยจะล้อๆกัน อันนี้ก็จะดูคล้ายกันเหมือนเป็นตัวพิมพ์ เพียงแต่ตัวเราเขียนเท่านั้น

เห็นว่าได้ไปศึกษาต่อที่ลอนดอน อยากให้เล่าประสบการณ์ ที่นั่นให้ฟังหน่อย

อยู่ประมาณ 2 ปี ไปเรียน ป.โท เป็นการไปเรียนด้านการออกแบบสื่อสาร เหมือนกันกับนิเทศศิลป์ เพราะว่าตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่ามีอะไรที่แตกต่าง การไปเรียนที่นั้นก็จะเน้นให้แต่ละคนดึงความสนใจของตัวเองทำออกมาเป็นงานให้มากที่สุด หาวิธีเล่าเรื่องต่างๆในแนวทางที่ตัวเองถนัด ส่วนการใช้ชีวิตที่ลอนดอนนั้น ส่วนมากจะเน้นเรียน งานที่ทำจะรับงาน graphic จากที่นี่ ไม่ได้ไปทำที่นั่น เพราะว่ามีความยากสำหรับเราอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา เนื่องจาก ป.โท จะเน้นเรื่องการนำเสนอแนวคิดมากกว่า

อยากให้คุณมินแนะนําตัวซักเล็กน้อยครับ ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ เรียนจบจากที่ไหน งานที่ทำอยู่ปัจจุบันเป็นงานอะไร

ตอนนี้เป็น  graphic artist และก็เป็นช่างพิมพ์ปริ้นเตอร์ อยู่ที่สตูติโอที่ก่อตั้งกับคุณวุ้นอีกคนหนึ่ง เป็นหุ้นส่วนทำด้วยกันตั้งแต่แรก แล้วก็มินเรียนนิเทศศิลป์ คณะมัณฑนศิลป์ อยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ก็จะเรียนเหมือน graphic designer จากนั้นจบมาตอนแรกก็ทำงานเหมือนนักออกแบบ graphic แล้วก็ทำพวกงาน Corporate Identity (CI) พวกเว็บไซต์ก็เคยทำ แล้วก็สนใจพวกสิ่งพิมพ์ จนกระทั่งได้ไปเรียนต่อ ป.โท ที่ลอนดอน งานที่ทำก็จะเป็นงานฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่ และมีงานประจำอยู่ที่ Graphic 49 ทำอยู่ 1 ปี พอออกมาก็มาทำฟรีแลนซ์ แล้วค่อยไปเรียนต่อ แต่จริงๆแล้วก็ทำฟรีแลนซ์มาตั้งแต่เรียนมหาลัยแล้วค่ะ

ทำไมถึงเลือกออกจากงานประจำมาเป็นฟรีแลนซ์ ?

ตอนนั้นเราก็ได้เรียนรู้อะไรมาเยอะ แต่รู้สึกเหมือนว่าไม่ใช่อะไรที่เราชอบ และก็เป็นช่วงที่เราคิดเรื่องไปเรียนต่อพอดี ก็เลยต้องออกมาก่อนเพื่อเตรียมตัวหาข้อมูลไปเรียนต่อ

แล้วตอนช่วงที่คุณมินเรียนอยู่ มีวางแผนชีวิต ไว้ไหมว่า จะทำงานด้านนี้ หรือจะทำอะไร

จริงๆแล้ว สนใจเรื่องการวาดภาพ ในงาน Graphic ยุคก่อนกับยุคนี้ ยุคก่อนเขาต้องใช้มือในการจบงานหลายๆอย่าง คนที่เป็นนักออกแบบเขาก็จะต้องมีสกิลมือ ค่อนข้างดีกว่าในยุคนี้ ในขณะที่เราก็โตมาในยุคที่ตอนเรียนเราก็ใช้คอมพิวเตอร์แล้ว หรือว่าอาจารย์ก็สอนมาให้ใช้คอมพิวเตอร์ ทักษะการวาดตรงนี้มันเหมือนเราเข้าไปแล้วเราก็ทิ้งมัน  แล้วก็เลยสนใจ เพราะว่าเราเองก็ไม่ได้เป็นคนที่วาด drawing เก่งขนาดตอนนั้น  แต่ว่าตอนนั้นเรารู้สึกว่าสนุกกับการค่อยๆขีดเส้น เราก็เลยคิดว่า จะทำไงให้เส้นมาเป็นงานได้ เลยนำมาสู่งานที่เราวาด จะเทียบตั้งแต่งานที่ดูแล้ว แล้วดูไม่รู้ ไปจนถึงงานที่เห็นปุ๊บแล้วรู้เลยว่ามันต่าง เพราะมันจะดูรู้ว่าเป็นลวดลายที่เป็นคอมพิวเตอร์กับอีกแบบที่ดูแล้วมันต่างจริงๆ อย่างกับสไตล์งานของศิลปินที่เราชอบซึ่งเป็นงาน drawing ที่เรียบง่ายมากๆ ส่วนระยะเวลาในการทำ drawing ที่ทำมือใช้ระยะเวลาในการทำ ถ้าง่ายๆหน่อยก็เริ่มตั้งแต่ 4 ชั่วโมง ไปจนถึงอันที่ยากที่สุด ใช้ระยะเวลาประมาณ 23 ชั่วโมง ซึ่งตรงนี้มันก็เชื่อมกับการทำเสื้อด้วยนะ งานนี้เป็นงานที่นานที่สุดเพราะงานเส้นมันถี่มาก แล้วก็ในคอมพิวเตอร์เองก็จะมีในเรื่องของเส้น stroke ที่แบบไม่เท่ากัน ซึ่งตอนนั้นเราก็ต้องหาปากกาที่จะมาเทียบกันว่าเท่านี้ต้องใช้ขนาดปากกาเท่าไหร่

เคยทำแล้วได้เริ่มทำใหม่ไหม

จริงๆแล้วเคยทดลองทำ สุดท้ายเราก็ได้เปลี่ยนกระดาษใหม่ เพราะว่าต้องขยับซ้ายนิดหนึ่ง แต่ว่าอันนี้ก็เหมือนเป็นตัวทดลองอันแรก

ทำอันไหนก่อนระหว่าง ดิจิตอล กับ drawing 

ทำดิจิตอลก่อน คืออาจจะเรียกว่ากระบวนการมันกลับกัน ทั้งสเก็ตในกระดาษ แล้วก็สเก็ตในคอมพิวเตอร์ด้วย เพราะเราต้องเริ่มเขียนออกมาก่อนแล้วค่อยสรุป สุดท้ายเราต้องมาวางแผนตรงนี้ มีแผนการหรือระบบเงื่อนไขของงานให้เกิดการเทียบกันได้ และต้องมีตัวแปรที่เท่ากันถึงจะสรุปออกมาได้ในงานที่เหมือนไม่ได้วางแผนอะไร

คอนเซ็ปต์ในการคิด final project ในแต่ละครั้งเป็นยังไง

คิดว่าเวลาเป็นตัวแปรสำคัญ งานที่เราต้องส่งแล้วภาพ drawing อาจจะทำได้แค่นี้ หลังจากนั้นเราต้องไปทำส่วนอื่น เพื่อที่จะเล่าถึงงาน

สิ่งพิมพ์ที่ทำเริ่มทำด้วยตัวเองก่อนหรือว่ายังไง

ใช่ค่ะ เริ่มทำด้วยตัวเองก่อน เพราะว่าจริงๆก่อนหน้านั้นเราออกแบบงาน เราก็ต้องสั่งพิมพ์อยู่แล้วแต่จะเป็นคนอื่นที่พิมพ์ให้เรา ก็จะมีเรื่องกระดาษ สี อะไรพิเศษต่างๆ ซึ่งตอนเด็กๆเรายังไม่มีโอกาสได้ลองใช้กระดาษอะไรเยอะเท่าไหร่ แต่พอลองมาพิมพ์งานของตัวเอง เราก็สามารถเข้าไปควบคุมเรื่องพวกนั้นได้ เรื่องการใช้กระดาษ การใช้สีพิเศษอะไรแบบนี้

งานพิมพ์ พิมพ์ที่นี่หรือว่าอะไร

จริงๆพิมพ์ที่นี่เลย เป็นโรงพิมพ์ที่เล็กมากๆด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีออเดอร์ทีละมากๆ งานที่นี่จะเป็นการร่วมงานกับศิลปินวาดภาพประกอบด้วย ตอนเริ่มก็เริ่มมาจากตอนที่เราอยากพิมพ์งานของตัวเองก่อน แต่เทคนิคนี้เรามีความรู้เป็นศูนย์ เราก็เลยต้องค่อยๆลองผิดลองถูก ตอนแรกๆก็เริ่มพิมพ์งานเล็กๆก่อน แล้วก็ค่อยๆใหญ่ขึ้น จนมีคนติดต่อเข้ามา ก็จะมีนักวาดภาพประกอบหรือ graphic designer ที่เราได้ร่วมงานด้วยกับที่เราไปเชิญเขามาด้วยเพราะว่าเราชอบงานของเขาแล้วก็มาพิมพ์ด้วยกัน ซึ่งก็จะมีหลายรูปแบบ หรือว่าบางคนก็มาจ้างเราพิมพ์ไปเลย ก็จะเปลี่ยนเหมือนกับว่านักออกแบบกลายมาเป็นลูกค้าเรา ก็จะสนุกดีเพราะพอเราได้พิมพ์งานให้คนอื่นก็จะมีงานเบื้องหลังของเขาที่เราได้เห็นแล้วเราก็ต้องเอามาคลี่คลาย การพิมพ์ก็เหมือนการพิมพ์ซิลค์สกรีนใส่เสื้อผ้า มันก็จะมีรายละเอียดของเบอร์ผ้าสกรีนที่ต้องละเอียดไปให้เหมาะกับสิ่งที่เราจะพิมพ์ แล้วก็เรื่องสีด้วย

เริ่มทำงานพิมพ์มากี่ปีแล้ว

ตอนนี้ทำมาประมาณเกือบ 5 ปี ตอนแรกๆ feedback เราเริ่มจากงานเล็กๆ จากนั้นเราก็ลองเอางานไปขายในงานแฟร์ ก็จะมีคนมาซื้อ เขาก็เอาไปใส่กรอบแต่งบ้าน แล้วก็มาสั่งให้เรามาทำชิ้นใหญ่ขึ้น พอเราได้ทำชิ้นใหญ่ขึ้นก็ร่วมงานกับคนอื่นหรือว่าบางที่ก็มีศิลปินต่างชาติที่ผลิตภาพพิมพ์ซิลค์สกรีนขาย

งานที่พิมพ์ขายเป็นงานของตัวเราก่อน แล้วเป็นงานชิ้นไหน

งานแรกจะเป็นรูปทรงแบบง่ายๆ มีสีที่เรียบง่ายแล้วก็มีคำพูดที่เป็นตัวหนังสือ อย่างงานของนักศึกษาที่มาฝึกงานกับเรา เราก็จะพยายามพิมพ์อะไรที่มีคำพูดอยู่ เพราะจะเข้าถึงผู้คนได้มากกว่า แล้วงานก็จะค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามช่วงต่างๆ แต่พอปีถัดๆมางานก็จะเริ่มหลากหลาย เพราะคนที่เราร่วมงานด้วยก็จะมีหลายสไตล์ อย่างนักศึกษาฝึกงานที่รับเข้ามาก็จะมีแนวทางเป็นของตัวเอง แต่ว่าทุกคนพอได้มาใช้วิธีนี้ก็จะมาแลกเปลี่ยนและคิดร่วมกันว่าภาพๆหนึ่งจะถูกพิมพ์ยังไง ส่วนงานหลักตอนนี้เรียกว่าเป็นภาพพิมพ์ดีกว่า ภาพพิมพ์ซิลค์สกรีนด้วยมือ เพราะคีย์เวริด์ของงาน คือ สตูดิโอภาพพิมพ์ซิลค์สกรีน

การร่วมงานกันระหว่างชาวต่างชาติ กับ คนไทยมีความแตกต่างกันอย่างไร

กับทาง uniqlo เขาน่าจะอยากได้นักออกแบบที่มีความเป็นศิลปิน หรือนักออกแบบที่เคยทำงานศิลปะ เพราะเขาน่าจะหาลักษณะลายเส้นของคนนั้น ก็คือเขาจะคัดเลือกก่อน แล้วเขาก็จะส่งมาทาง designer ของ uniqlo ที่จะมาทำงานร่วมกับเรา เขาก็จะดูเรื่องการเอาไปจัดวาง ก็คือเหมือนเราส่งไปอันเดียวแต่ทางเขาเหมือนเอาไปทำซ้ำกับตำแหน่งที่ถ้าเป็นเรา เราก็ไม่ได้คิดวางอย่างนั้น  ของที่สตูดิโอเรานานๆเราก็จะพิมพ์เสื้อบ้าง จะพิมพ์แบบง่ายๆ เพราะว่าจริงๆเราจะเน้นพิมพ์กระดาษ ทีนี้พอเราพิมพ์เสื้อแล้วเราไม่ได้ชำนาญทางนั้น เราก็จะไม่ได้คิดเหมือนทาง designer ของเขา ซึ่งก็น่าสนใจ เพราะเขามีความคิดที่จะวาง pattern อะไรแบบไหน จริงๆเราอยากให้ลายวางตรงกลางด้วยซ้ำ แต่เขาเอาไปวางแบบนั้น แล้วเราก็มาคุยกันแล้วเขาก็บอกว่า เหมือนตรงนั้นจะสามารถถ่ายได้เยอะกว่า

การร่วมงานกับชาวต่างชาติจะเป็นเรื่องการประสานงานมากกว่า ก็สนุกไปอีกแบบหนึ่ง ต่างชาติก็จะให้เวลาเรามากหน่อย เพราะว่าระยะทางไกลจะต้องเผื่อเวลาในการประสานงาน แต่เขาก็จะละเอียดในเรื่องของ Timeline ส่วนระยะเวลาเตรียมตัวก็ตั้งแต่พฤษภาคม และก็หายกันไป เขาก็ไปผลิต ไปทำตัวอย่างมาให้ดู

สังคมด้านการออกแบบบ้านเขา กับบ้านเราต่างกันมากไหม แล้วคุณมินส่วนตัวชอบแบบไหน

จริงๆก็ 8 ปีผ่านมาแล้ว เราคิดว่าการเรียนต่างๆอยู่ที่ตัวเรา อย่างตอนเรียน ป.ตรี มันก็กดดันสำหรับเราแล้ว พอไปเรียน ป.โท มันก็กดดันสำหรับเราในช่วงอายุนั้น เลยคิดว่า แต่ละที่มันก็ยากสำหรับเราอยู่แล้ว เราก็ต้องตั้งใจทำ แต่ก็จะมีในเรื่องภาษาในช่วงแรกๆ นี่แหละ ที่บางทีเราคิดแต่ไม่สามารถพูดออกมาได้หมด เพราะว่าเราพูดได้กลางๆ แต่บางทีเรามีความคิดที่มันยากที่จะพูดออกมาเป็นภาษาได้ จริงๆสิ่งที่เรียนค่อนข้างเป็นการออกแบบด้วยแหละ พอตอนจบ เค้าก็ให้เราทำ final project งานที่ทำตอนนั้นค่อนข้างจะมาเชื่อมกับที่ทำตอนนี้ โดยที่ตอนนั้นแต่ละคนต้องเลือกหัวข้อที่จะมาทำ project อย่างของเราเรียน graphic แต่เน้นในเรื่องการออกแบบข้อมูล แต่ละคนก็จะได้ออกแบบว่า จะออกแบบข้อมูลในเรื่องอะไร บางคนก็นำเสนอเป็นภาพเป็นอะไรต่างๆส่วนของเรา เราก็พยายามหาว่าหัวข้อไหน เป็นหัวข้อที่เราสนใจมากที่สุด เพราะว่าเราต้องอยู่กับ project นี้ไปอีกนาน พอดีตอนนั้นก็สนใจเรื่องการใช้มือสร้างสรรค์งาน หรือว่าคุณค่าของสิ่งที่เราใช้เวลาทำ มันก็เลยกลายเป็นที่มาว่าเราจะเล่าถึงเรื่องนี้ว่ายังไง ผ่านข้อมูลที่เปรียบเทียบระหว่างงานที่ใช้มือกับงานที่ผ่านเครื่องจักร

เล่าถึงงานประทับใจที่ผ่านมาให้ฟังหน่อย งานชิ้นนั้น เป็นอย่างไร

คอนเซ็ปต์มันคือการเปรียบเทียบ ที่ต้องมีระหว่างดิจิตอลกับมือ แต่ ณ ตอนนั้นเราสนใจในเรื่องของคุณค่า และเราก็อยากทำงานที่ไม่ใช่การทำมือแล้วเราก็โดนคนถามว่าทำไมไม่ใช้มือ ทำไมต้องวิธีนี้ หมายถึงว่า จะสื่อสารแล้วทำไมต้องใช้มือ มีวิธีอื่นอยู่ตั้งเยอะ ในขณะที่เราก็รู้สึกว่า ตัววิธีนี่แหละเป็นสิ่งที่เราสนใจ สุดท้ายก็นำมาเปรียบเทียบกัน มันก็ได้เป็น drawing ที่แบบดูคล้ายๆ กันแต่ไม่เหมือนกัน ใช้เวลาไม่เท่ากัน แล้วก็เหมือนเป็นงานที่เราคิดไว้ไม่ต้องอธิบายอะไรมากและเพื่อนต่างชาติที่นั่นก็สามารถเข้าใจได้โดยที่มันไม่ต้องมีคำพูดอะไรเยอะ

คุณมินมีได้รับรางวัลเกี่ยวกับงานด้านศิลปะด้วยช่วยเล่าให้ฟังหน่อย / Concept / idea

เราไม่ใช่สายประกวดค่ะ คือรางวัลที่ได้ไม่ใช่รางวัลประกวด แต่ล่าสุดที่ได้ คือ Emerging designer อันนั้นก็จะเป็นส่วนหนึ่งของ designer of the year แต่ว่าเป็นรุ่นเล็ก ก็แล้วแต่ว่าใครจะเสนอชื่อเราเข้าไป ซึ่งจะมีกรรมการมาคัดเลือกอีกที และก็มีของสมาคม Associated Graphics (AGI) อันนี้ก็น่าภูมิใจเพราะทั้งโลกมีประมาณห้าร้อยกว่าคน วิธีการคัดเลือกก็จะต้องให้สมาชิกมาเสนอชื่อเรา ดังนั้นก็จะมีกรรมการอยู่เยอะมาก คิดว่างานนี้ที่ทำอยู่ก็น่าจะมีส่วนทำให้ได้รางวัลนี้มา  เพราะว่ามีนักออกแบบเสนอชื่อเราในช่วงปี 2015

เห็นว่าตอนนี้ได้มีโอกาสร่วมงานกับ Uniqlo คอลเลคชั่นพิเศษนี้ เป็นมายังไงถึงได้ร่วมงานนี้

เอเจนซี่ของญี่ปุ่นติดต่อเข้ามาเป็นแมกกาซีน plus81 ซึ่งเป็นคนจากเอเจนซี่นี้ติดต่อเข้ามา เขาทำงานให้กับ project นี้และทำงานร่วมกับ uniqlo โดยคอนเซ็ปต์นี้มาจากคนญี่ปุ่น ซึ่งเราเห็นแมกกาซีนนี้มาตั้งแต่เราเด็กๆตอนนั้นคือชอบ และเขาสนใจที่จะร่วมกับ uniqlo ด้วย บวกกับทางเขาก็คงมีการเลือกศิลปินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 3 ประเทศ ก็จะมี อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย

คอนเซ็ปต์ที่อยู่ในตัวงานเป็นยังไง

เขาก็ให้เราเลือกจากงานบางส่วนเราเคยทำ หรือว่าเป็นงานใหม่ก็ได้ หรือว่าจะเป็นงานใหม่ที่เกิดจากงานเก่า ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าเขาเห็นงานเราจาก final project ที่หาเจอในอินเตอร์เน็ตหรือเปล่า แต่เราก็เสนองานชุดนี้ และงานชุดอื่นๆที่มีสีสันด้วย

แล้วงานซิลค์สกรีนที่ทำชิ้นนี้เป็นงานดิจิตอลหรืองานทำมือ

อันนี้เป็นงานดิจิตอลค่ะ จริงๆเราก็เสนอไปหลายภาพ แต่อันที่เขาเลือกจะมีลักษณะที่เป็นเส้น ซึ่งเราจะมองวิธีการพิมพ์มากกว่า มันทำให้งานส่วนตัวของเราในยุคหลังๆมันจะดูเหมือนไม่มีอะไร จะเป็นแค่เส้น เป็นอะไรที่เรียบง่ายแต่มันพิมพ์ยาก ซึ่งตอนนั้นเราก็ส่งลายนี้เข้าไป เราก็รู้สึกว่าในการพิมพ์เสื้อมันก็ยากเหมือนกัน เพราะว่าอะไรที่เป็นเส้นแนวนอน แนวตั้ง เส้นถี่ๆ หรืออะไรที่ต้องชนกันเป๊ะๆก็จะพิมพ์ยาก แต่อันนี้พอเราเห็นเสื้อเราก็รู้สึกว่าเขาพิมพ์ได้ดี เพราะงานซิลค์สกรีนเราก็ต้องมีแม่พิมพ์สี สีหนึ่งต้องพิมพ์ทีละครั้ง แต่ว่าบางทีภาพที่พิมพ์ครั้งเดียวก็พิมพ์ยาก หากว่ามีรายละเอียดเยอะ

เห็นว่าเป็นงานที่ร่วมกับชาวต่างชาติด้วย รู้สึกอย่างไร ทีได้ถูกเลือกให้ร่วมงานนี้

ก็ดีค่ะ ตอนแรกก็ตื่นเต้น ดีใจ เพราะเป็นแบรนด์ที่เห็นอยู่บ่อยๆ และก็เข้าอยู่บ่อยๆ

 

Inspiration แนวคิดนี้เป็นอย่างไร Concept ลายแต่ละตัวมีที่มายังไงบ้าง

สวมใส่ได้ทุกโอกาสและก็สบายๆ เราก็คิดว่าก็น่าจะประมาณนั้น เพราะในตัวงานมันก็จะมีความเรียบง่าย และคิดว่าเป็นความเรียบง่ายที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่หากมองดูลายดีๆก็จะเผลอมองดูอีก ด้วยความที่เป็นเส้นละเอียดๆ ไม่รู้สิค่ะ ต้องลองถามคนอื่น เพราะเราเห็นบ่อย แต่ชุดก็สามารถใส่ได้ทุกที่ ง่ายๆ มีความหมาย และมีมิติของมัน

Loop ในการทำงานของคุณมิน หนึ่งวันเป็นอย่างไร  และ Loop วันหยุด พักผ่อน หรือการเรียนรู้ คุณมิน จะไปหาแรงบันดาลใจที่ไหน หรือการพักผ่อนวันหยุด คุณมินทำอะไร

จริงๆเราก็ทำตัวให้พร้อมมาทำงานให้ทัน  9 โมง ตื่นมาก็จะมารดน้ำต้นไม้ แต่ว่าเราจะโดนปลุกรอบหนึ่งด้วยแมวก่อน จนเราต้องตื่นมาดูแมวกินข้าว แล้วเราก็มานอนต่ออีกนิดหน่อย พอตื่นก็ลงมาชงกาแฟ เช็คอีเมล์​ หลังจากนั้นเราก็จะทำงาน ทีนี้ก็จะแล้วแต่ว่าวันไหนเราต้องทำงานเอกสาร หรือทำงานคอมพิวเตอร์ เราก็จะมานั่งที่คอมพิวเตอร์ หรือวันไหนเราจะต้องพิมพ์งานเราก็จะไปหน้าโต๊ะพิมพ์

ได้ยินมาว่าท่าทางจะยุ่งหลังช่วงบ่าย 

        ใช่ค่ะ เราต้องจะทำงานพิมพ์ งานใช้แรงงาน งานที่ทำก็จะสลับกันระหว่างแอดมิน ออกแบบ ตอบอีเมล์ และก็กลับไปใช้แรงงาน สลับกัน แต่ว่าส่วนตัวเราก็ชอบ แล้วเราก็ทำงานจนถึงดึก ส่วนมากจะนอนประมาณเที่ยงคืน การนอนก็แล้วแต่วัน ไม่แน่นอน แล้วแต่เวลานัด ส่วนวันหยุดนั้น เราไม่ค่อยมีวันหยุดค่ะ เพราะบางทีก็จะติดงานที่ทำค้างไว้ เราก็จะทำไปเรื่อยๆ ตอนไหนที่เราอยากพักเราก็จะพักเลย หรือว่าวันไหนมีนิทรรศการก็จะออกไปดูงานบ้าง แต่โดยรวมก็ชอบทำงานอยู่ในที่ทำงาน ส่วนงานอดิเรกที่ชอบทำของเราก็จะปนๆกัน จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างเมื่อก่อนก็จะสนใจเรื่องฟังเพลง หลังๆมานี้เราก็สนใจในเรื่องกล้องฟิล์ม ลองล้างฟิล์มเอง มันก็เป็นอีกอย่างที่ไม่เคยทำ แล้วเราก็ค่อยๆหาว่าเราจะทำได้ยังไง ก็เหมือนกับงานที่เราเล่น เอามาทำให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้น

สุดท้ายคุณมิน มาทราบตอนไหนว่าอาชีพศิลปะ มันเป็นอาชีพ มั่นคง และเลี้ยงเราได้

  “คิดว่าจะเป็นการทำให้ต่อเนื่อง ทำอย่าหยุด เพราะว่าอันนี้อย่างของเราทำประมาณ 4-5 ปี ตั้งแต่ช่วงแรกเราก็ทำไปเรื่อยๆ หลังๆมาเราก็ทำหนักมาก เหนื่อยมาก แต่เราก็สนุกไปกับมัน พอเราทำอะไรอย่างต่อเนื่องมันก็จะเห็นผล ส่วนงานที่รับนั้นงานก็จะแยกกันแล้วแต่ค่ะ ในส่วนของการขายก็จะมีลูกค้าประจำอยู่บ้าง ในเว็บก็จะมีชาวต่างชาติสั่งอยู่บ้าง กับอีกส่วนที่เป็นการพิมพ์ก็น่าจะเป็นการบอกต่อหรือพบเจอ”