‘Pomme Chan’ นักวาดภาพประกอบ ดีกรีผลงานระดับโลก กับผลงานล่าสุด ‘Rina Hey x Pomme Chan’

Pomme Chan

Interview

“เมื่อก่อนงานอดิเรกคือชอบวาดรูป
แต่ปัจจุบัน
มันกลายเป็นอาชีพ ไม่ใช่งานอดิเรกอีกต่อไป”

หากพูดถึงงานด้านศิลปะ งานอาร์ต ต่างๆ หลายคนคงรู้จักศิลปินด้านนี้กันอยู่แล้ว วันนี้ lookbook.th จะขอพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับนักออกแบบสาวร่างเล็ก แต่ดีกรีผลงาน เรียกว่า สุดยอดมากๆ กับคุณ Pomme Chan จากฟรีแลนซ์สาวคนเก่ง มาเปิดบริษัทที่ชื่อว่า Happy pomme studio เป็นที่รู้จักของใครหลายๆ คน นอกจากเราจะพาไปดูการคิดงาน และการสร้างผลงานแล้ว จะพาไปคุยเรื่องชีวิตในการทำงานอีกด้วย จะได้ความรู้และข้อคิดอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกัน

แนะนำตัวให้เราได้รู้จักกันหน่อยค่ะ

สวัสดีค่ะ ปอม ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง แต่คนจะรู้จักในนาม Pomme Chan

ส่วนที่มาของชื่อ Pomme Chan คือมาจากชื่อเล่นของปอมและมาจากนามสกุลจันทร์จำรัสแสง เพราะว่ามันสะกดด้วย chang แต่คนส่วนมากอ่านเป็น Chan จึงเรียกเป็น Pomme Chan นั่นเองค่ะ

งานอดิเรกถือว่าคืองานปัจจุบัน

เมื่อก่อนนี้งานอดิเรกของปอมคือชอบวาดรูป จนมันกลายเป็นอาชีพในทุกวันนี้ ส่วนอดิเรกจริงๆ จะเป็นการถ่ายรูป ไปเที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศ บ้างก็อ่านหนังสือ หรือไปเดินดูของตกแต่งบ้าน เพราะตั้งแต่ที่ไปอยู่เมืองนอกมา ปอมรู้สึกว่าชอบไปมาร์เก็ต พวกแบบฟรีวินเทจมาร์เก็ต ชอบดูของตกแต่งบ้าน นำของเก่ากับของใหม่มาผสมกัน

สมัยเรียนเป็นเด็กหน้าห้องหรือหลังห้อง?

ถ้าถามปอมเอง ปอมเป็นเด็กหน้าห้องค่ะ เป็นเด็กเรียน ชอบเรียนหนังสือ คือตอนเด็กๆ จะชอบเรียนมาก รู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เรียน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น รู้แค่ว่าชอบอ่านหนังสือ และวิชาที่ชอบมากที่สุดคือวิชาภาษาไทย วิชาประวัติศาสตร์และคณิตศาสตร์ ซึ่งจะตั้งใจเรียนมากๆ เลยคิดว่าตัวเองเป็นเด็กหน้าห้องค่ะ

ชื่นชอบการวาดภาพมานานแค่ไหนแล้ว

ถ้าเรียกว่า ชอบวาดภาพจริงๆ คงชอบตั้งแต่ตอนที่ปอมเรียนอยู่สมัยประถม ตอนนั้นจำได้ว่า ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเหมือนเด็กทั่วไป แต่พอกลับบ้านก็วาดภาพตามหนังสือการ์ตูน วาดไปเรื่อยๆ ก็น่าจะเริ่มชอบตั้งแต่ตอนนั้น แต่ไม่คิดว่าเราจะวาดรูปได้ดีหรือวาดอะไรจริงจัง เพราะว่าส่วนตัวปอมเองก็วาดการ์ตูนตาหวานไปเรื่อย ไม่ได้เก่งมาก

“คนเราจะมีความสุขกับการทำงานได้ มันต้องมีบาลานซ์ของงานและชีวิต

ชีวิตเป็นเรื่องสำคัญเพราะฟรีแลนซ์เวลาเราป่วยลูกค้าไม่ได้มาหาเราที่ทำงาน

แต่คนที่มาหาเราคือพ่อแม่และเพื่อน เราต้องอย่าลืมพาร์ทนี้

work smart คือ ไม่จำเป็นต้องใช้เวลา 15 ชั่วโมงในการทำงานหรือว่านั่งเฉยๆ เล่น facebook เพื่อรอ feedback

 แต่ work smart คือการที่เรากะเกณฑ์ทุกนาทีให้มีประสิทธิภาพและจบได้ภายใน 8 ชั่วโมง ต่างหาก”

แรงบันดาลใจในการวาดภาพ

หากพูดถึงแรงบันดาลใจในการวาดภาพ โดยส่วนตัวปอมคิดว่าไม่น่าจะมีเพราะหลังจากที่เราเข้ามาเรียนที่ศิลปากร ก็เริ่มวาดงาน Interior เป็นหลัก แต่ก็มี Drawing อยู่บ้าง และเมื่อปอมได้ไปอยู่ที่อังกฤษ ภาพต่างๆ ที่วาดขึ้น น่าจะมาจากความเหงาที่เราสื่อสารกับเค้าไม่รู้เรื่อง แล้วเราไม่รู้จะไปไหน เพราะกลัว ไม่กล้าพูดกับฝรั่ง ซึ่งตอนเด็กๆ เราเป็นเด็กเนิร์ด ตั้งใจเรียนมาก ขี้กลัว ไม่กล้าสบสายตาคน ไม่กล้าพูดกับคนแปลกหน้า พอไปอยู่เมืองนอกเลยรู้สึกว่าเราไม่มีเพื่อนเยอะ เราจึงวาดรูปแทนแก้เหงา 

เอกลักษณ์ผลงานของคุณ Pomme คืออะไร

เอกลักษณ์ของผลงานที่สร้างขึ้นที่แท้จริงปอมเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไร เราก็รู้แค่ว่า เรากำลังทำในสิ่งที่เป็นตัวเราไปเรื่อยๆ ปอมถูกถามเรื่องเอกลักษณ์ของงานบ่อยมาก แต่ก็ตอบไม่ได้ เราคิดอยู่เสมอว่าเราเป็นคนชอบงานขาวดำ เป็นลายเส้น แรเงา แต่เพื่อนๆ บางคนมักจะบอกว่างานเธอดูเป็นสีสันเยอะมาก แต่ปอมกลับคิดว่างานฉันดาร์กนะ เพื่อนก็จะบอกว่างานเธอ ออกสไตล์หวาน ปอมเลยรู้สึกว่า สิ่งที่เราเห็นกับสิ่งที่คนอื่นเห็น มันอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้

ได้ทำอะไรบ้างตอนอยู่เมืองนอก

ปอมไปอยู่ที่อังกฤษประมาณ 11-12 ปี มันมีหลายช่วงมาก ตั้งแต่ช่วงเรียน ทำงานพาร์ทไทม์ไปจนถึงช่วงที่ไม่ได้เรียนแล้วก็ทำงาน Illustrator เป็นหลักอย่างเดียวและที่เลือกไปอังกฤษ เพราะว่าอยู่ที่นั่นพอดีและอยากมีงานออกแบบจริงๆ เผอิญว่าเราอยู่ที่นู้นตั้งแต่แรก เราไม่ได้คิดว่าต้องไปสร้างชื่อเสียงที่อังกฤษหรืออเมริกา แต่ตอนนั้นเราใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น เป็นคนธรรมดาคนนึง ที่ทำงานหาเงินเลี้ยงชีพ โชคดีที่เราได้งานที่ชอบมันมากๆ คือ งานวาด Illustrator เป็นงานฟรีแลนซ์แล้วก็มีเอเจ้นท์อยู่อังกฤษ อเมริกา รัสเซีย เยอรมัน ญี่ปุ่น แต่ละที่ก็มีเซฟงานอยู่แล้ว ต่อให้ปอมย้ายมาที่ไทย ก็มีงานจากอังกฤษมาอยู่ดี เพราะว่าปัจจุบันทุกอย่างมันผ่านทางออนไลน์หมดแล้ว

พูดถึงอุปสรรคช่วงที่ไปอยู่เมืองนอกหน่อยค่ะ

อุปสรรคมันมีอยู่แล้ว แต่มันไม่ได้เรียกว่าเป็นอุปสรรคมากกว่าคนอื่น คือปอมมองว่า ตัวเราเป็นคนไทย อยู่ที่นู้นอุปสรรคที่เป็นเรื่องใหญ่เลยคือ เรื่องของภาษา เพราะว่าปอมไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมาอยู่แล้ว ไปถึงนี้พูดไม่เป็นด้วยซ้ำ เมื่อทำงานกับฝรั่งเรื่องคอนเซ็ปเป็นเรื่องสำคัญ เวลาที่เราจะอธิบายให้เค้าฟังหรือว่าเขียนสวยๆ งามๆ เหมือนเวลาเราไปแกลอรี่เมืองนอก คอนเซ็ปเค้าดูลึกซึ้งมาก แต่เราเขียนไม่ได้อย่างแบบนั้น ปอมเลยมองว่า การที่เราไม่เก่งด้านภาษา มันคืออุปสรรคประมาณอย่างหนึ่ง เหมือนเราอธิบายงานได้ไม่ดีเท่าเค้าเพราะเราไม่ใช่เจ้าของภาษา

ความแตกต่างของการทำงานที่ไทยกับเมืองนอก

มันต่างกันมาก คือ ที่เมืองนอกจะไม่ใช้ line , whatapp และ facebookในการติดต่องาน เพราะฉะนั้นเวลาทำงานปอมไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีใครตามงานผ่านทางโซเซียล เพราะที่เมืองนอกจะสั่งงานผ่านอีเมลเท่านั้น แต่พอมาทำงานที่เมืองไทย เราจะโดนตามงานผ่าน line , facebook , whatapp เต็มไปหมด ปอมถือว่าเป็นอุปสรรคพอสมควร เพราะที่ไทยเมื่อเรานึกอะไรออกหรือมีคำถาม เราก็พิมพ์ปุ๊ป ไม่ต้องผ่านการไตร่ตตรองหรือสรุป แต่ที่เมืองนอก ถ้ามีคำถามจะมาเป็นเช็คลิส ซึ่งรวบรวมส่งมาครั้งเดียว มันง่ายกับการสื่อสารกว่า มันมีหลายอย่างในกรุงเทพฯที่ปอมชอบมาก ด้านการทำงานเช่นสมมุติเรามีฝันว่าไซน์เนสที่เป็นนีออนหรือที่เป็นลายเส้นเงา ถ้าอยู่อังกฤษก็จะมีโปรดักชั่นคอสนึงซึ่งแพงมากในการทำ แต่ที่กรุงเทพฯ เราหาช่างที่ทำฝันเราให้เป็นจริงได้ง่ายขึ้นเยอะมากในราคาที่บอกกันได้

อยากให้พูดถึงงานที่ประทับใจมา 3 งาน

งานแรกเป็นงานวาดกำแพงที่อังกฤษ ปอมประทับใจมากเพราะตอนนั้นทำงานพาร์ทไทม์ เป็นช่างแต่งหน้า ถือว่าเป็นพนักงานห้างเราก็จะรู้สึกอีกแบบนึง พอวันที่เราได้กลายมาเป็นคนวาดกำแพงในห้างเอง ทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นศิลปินที่ได้ไปวาดภาพในห้างใหญ่ที่เราเคยเป็นพนักงาน ปอมค่อนข้างผูกพันกับห้างนี้พอสมควรเพราะทำงานอยู่สองปี เลยรู้สึกว่าอันนี้เป็นโปรเจ็คที่ชอบ

งานที่สองคือโปรเจ็คที่กำลังจะเกิดขึ้นปีหน้า เกี่ยวกับการทำคอลเล็คชั่น ทำให้ urban of fitter ที่อเมริกาเป็น urban of fitter pomme chan spring งานนี้ตื่นเต้นมากเพราะ urban เป็นแบรนด์ที่สนุก

ส่วนงานที่สามคือตอนนี้เริ่มทำเซรามิกได้สักพักนึง ถือเป็นงานที่ตื่นเต้นและชอบมากพอสมควร เพราะว่ามันคือการที่เปลี่ยนจากแบบ Illustration ของเรา เช่น พวกจาน แก้วกาแฟ ไม่ว่าจะไปประเทศไหน ปอมจะซื้อเก็บไว้และแบกกลับมาเรื่อยๆ จนมาวันนึงที่เรามีจานที่ทำเองเราจึงเข้าไปศึกษาพวกเซรามิกอย่างจริงจัง เพราะเมื่อได้รู้อะไรแล้วจะต้องรู้ให้มันสุด รู้ตั้งแต่กระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนจบ

ตอนนี้มีโปรดักอะไรให้เราได้ติดตามกันบ้าง

ตอนนี้ก็กำลังจะมีจานที่ผลิตเองชื่อแบรนด์ story ceramic ร่วมทำกับเพื่อนๆ ซึ่งลายใหม่ที่กำลังจะทำ จะเป็นลายนักษัตรของจีนอย่าง ชวด ฉลู ขาล เถาะ ทั้งหลาย ซึ่งมันจะซิงค์กับ Exhibition ศิริมงคล ซึ่งจะเป็นการรวมเรื่องของสิ่งที่คนถือว่า เป็นสิ่งสิริมงคล แต่สำหรับเราไม่ว่าจะเป็นนักษัตรทั้งหมดหรือจะเป็นคำสอนของในหลวง ปอมก็ถือว่าเป็นสิริมงคลมากๆ นอกจากนี้ยังมี designation กับเพื่อนในงานด้วย

 อยากให้คุณปอมเล่าถึงชีวิตฟรีแลนซ์หน่อย

ปอมทำฟรีแลนซ์ทำมานานมาก ประมาณ 14 ปี ปอมเลยรู้สึกว่ามันเป็นชีวิตธรรมดา ต้องมีระเบียบวินัยให้กับตัวเองเยอะหน่อย ตั้งแต่การทำงาน จนถึงการหยุดทำงานด้วย ตอนแรกๆ ปอมยังคอนโทรลชีวิตฟรีแลนซ์ไม่ได้ มักจะเกิดการทำงานล่วงเวลาไปถึงเที่ยงคืน ช่วงหลังปอมจึงปรับระบบได้แล้ว เลยจบงานได้ที่เวลาทุ่มนึง ปอมกับทีมงานถ้าอยู่ที่สตูดิโอจะไม่ทำงานเกิน 1 ทุ่มคือเข้างาน 10 โมงครึ่ง เลิกงานทุ่มนึง เพื่อให้มีชีวิตหลังเลิกงาน เพราะปอมถือว่าคนเราจะมีความสุขกับการทำงานได้ มันต้องมีบาลานซ์ของงานและชีวิต ชีวิตเป็นเรื่องสำคัญเพราะฟรีแลนซ์เวลาเราป่วยลูกค้าไม่ได้มาหาเราที่ทำงาน แต่คนที่มาหาเราคือพ่อแม่และเพื่อน ดังนั้นเราต้องอย่าลืมพาร์ทนี้ เคยมีคำพูดว่า work hard play hard ใช่มั้ย แต่สำหรับปอม ปอมรู้สึกว่า work smart คือ มันไม่จำเป็นต้องใช้เวลา 15 ชั่วโมงในการทำงานหรือว่านั่งเฉยๆ เล่น facebook เพื่อรอ feed back งาน แต่ work smart อาจเป็นการที่เรากะเกณฑ์ทุกนาทีให้มีประสิทธิภาพและจบได้ภายใน 8 ชั่วโมง แบบนี้ถึงเรียกว่า work smart 

หลังจากที่เปิด Happy pomme studio เป็นยังไงบ้างคะ

รู้สึกว่าเริ่มโตขึ้นอีกสเต็ปนึง รับงานได้เยอะและหลากหลายขึ้น จากเมื่อก่อนจะรับแค่งาน Illustration พอเปิดเป็น pomstudio ปอมก็เริ่มมีทีมเข้ามา สามารถช่วยกันทำกราฟิกโลโก้แบรนด์ได้ด้วย packaging ถือว่าเป็นงานที่ดีมาก ส่วนงานจะ mash ขึ้นออกสู่ตลาดมากขึ้น คนจับต้องได้มากขึ้น ส่วนงานไฟล์อาร์ตก็ยังทำอยู่ ปอมมี fulltime แค่คนเดียว แล้วก็มีน้องฝึกงานบ้างเป็นช่วงๆ บางงานบริษัททั่วไปปอมก็จะจ้างซับมานั่งทำงานด้วยกันที่สตูดิโอโดยที่เมื่อก่อนปอมจะทำเองหมดทุกอย่างเพราะเราเป็นฟรีแลนซ์ แต่พอเราทำเป็นระบบบริษัท เรามีแขน ขามากขึ้นเราก็เหมือนเป็น Creative director มากกว่าที่มาคอยคุมงานทั้งหมด ดูแลรายละเอียด แต่หน้าที่คุยกับลูกค้าก็ยังเป็นเราอยู่ดี จริงๆ แล้วพอเปิดเป็นบริษัท รับงานได้มากขึ้นก็จริงแต่ภาระก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ทุกอย่างมันต้องมีการปรับตัว ปรับทัศนคตินิดหน่อย มีคนช่วยมากขึ้น ก็ต้องดูแลมากขึ้น เพื่อให้งานออกมาอย่างที่เราต้องการและสิ่งที่ต้องทำเพิ่มขึ้นคือบัญชีงานเอกสารที่ฟรีแลนซ์อย่างเราไม่ชอบทำ ก็ต้องมานั่งเรียนรู้ระบบแบงค์ การทำ invoice contact เยอะไปหมด มันกลายเป็น 50% ที่เราต้องจัดการกับสิ่งรอบๆ ตัว

จากทำฟรีแลนซ์มาเปิดบริษัทมีวิธีแก้ไขปัญหายังไงบ้าง

หนึ่งเลยคือแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อน เพราะบางครั้งปอมทำงานชอบคิดว่า ทำไมเรา DICUT ได้ 15 รูป แต่ทำไมน้องทำได้แค่รูปเดียว ทำไมห่วยและช้าอย่างนี้ แล้วเราก็หงุดหงิด และจะบอกกับน้องๆ ว่าทำไมเธอไม่ทำเร็วกว่านี้ แต่เมื่อพอย้อนกลับมาดูมันไม่ใช่ เพราะเราสองคนประสบการณ์เราไม่เท่ากัน โตมาไม่เหมือนกัน spirit ของเราเอามาเป็นบรรทัดฐานกับคนอื่นไม่ได้ เพราะ spirit ของน้องอาจจะต่ำกว่าของเรามาก ต่อให้เทียบด้วยอายุตอนนั้นก็ตาม คือตอนนั้นปอมคิดว่า เราต้องใจเย็นและอดทนให้มากขึ้น แทนที่จะไปดุเค้า เราทำให้เค้าดูดีกว่า เหมือนเลี้ยงลูกเรา คือค่อยๆ สอนเค้า ให้เค้าเก่งขึ้น และเมื่อเค้าเก่งขึ้นจริงๆ กลายเป็นเราที่ยิ้มและดีใจมากๆ เหมือนเราได้สร้างคนที่มีคุณภาพขึ้นมาได้คนนึง

อยากทำอะไรนอกเหนือจากนี้บ้าง

จริงๆ มันก็มีบาง account บางแบรนด์ที่ปอมอยากทำงานด้วยคือ Hermes ปอมอยากร่วมงานมาก แต่มันก็จะมีงานที่เพิ่งแพลน คือ อยากทำงานให้ชาวนา ปอมรู้สึกว่าเราอยากทำอะไรที่เป็นความถนัดของเราแล้วเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาสังคมที่เราอยู่ได้ ไม่ว่าจะเศษเสี้ยวนิดนึงหรือที่มันได้มากหน่อยก็ดี ปอมมองว่ามีหลายๆ คนในช่วงที่ผ่านมา วาดรูปในหลวงเยอะ ซึ่งส่วนตัวปอมกับทีมงานไม่ค่อยวาดรูปแบบนี้กัน สำหรับเราคือเป็นงานที่ไม่ถนัดและยาก แต่เราวาดคำสอนแทน อย่างของเรื่องชาวนา มันเป็นเรื่องที่ปอมไม่รู้จะช่วยยังไง ตอนแรกว่าจากร่วงข้าวเล็กๆ จะช่วยอะไรเค้าได้ ก็เกิดจากคำถามนี้ขึ้นมา พอเราเห็นว่าชาวนาจะขายข้าวออนไลน์จึงคิดว่าเรามาช่วยเค้าดีกว่า เพราะสามารถช่วยเค้าทำ package ทำแบรนด์ ให้สวยงาม นอกจากออกแบบในคอมจะเป็นไปได้มั้ย ถ้าเราดูถึงโรงพิมพ์จนจบขั้นตอนการผลิต เพราะว่าชาวนาอาจจะไม่มีความรู้ว่ากระดาษพิมพ์แบบนู้นแบบนี้ ก็คิดถึงขั้นว่าจะช่วยถ่ายรูปโปรดักส์ให้เค้าด้วยเพื่อสร้าง content แล้วก็จะสอนเรื่อง online marketing ให้เค้า เพราะต่อให้เค้ามีโปรดักส์ออกมา มีแพ็คเกจสวยมาก แต่เค้าไม่รู้จักวิธีขายของ ก็อาจจะไม่เกิดประโยชน์มากเท่าไหร่ ปอมจึงอยากสอนตั้งแต่โปรดักส์ไปจนถึงการลงขายออนไลน์เลย

คิดว่าสาขาการออกแบบการวาดภาพของไทยในอนาคตจะเป็นยังไงบ้าง

พี่ว่ามันจะดีขึ้นและโตเร็วมาก จนเราก็เป็นห่วงอยู่นิดๆ เพราะว่ามันจะมีช่วงปีที่ผ่านมา พี่พูดตรงๆ ว่าเค้าขายฝันกันจังขายโฆษณาว่าถ้าคุณมีความฝันคุณจะทำมันได้ ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จคุณต้องออกมาเป็นเจ้านายตัวเอง ปอมอยากถามกลับไปว่า ใช่มันทำได้แต่มันมีแค่กี่เปอร์เซ็นต์ที่ทำได้ ขณะที่มันเป็นฆาตกรรมหมู่ที่ออกมาบิ้วให้ทุกคนออกมาแบบนั้น แต่พอจบออกมาจริงๆ ถ้าทุกคนคิดว่าจะออกมาทำแบบนั้น ถามจริงๆ ว่ามีใครได้เงินเดือนบ้างถึงเวลาทุกคนก็จะมาสเต็ปเดียวกันว่า มันต้องกดราคา ถ้าไม่กดราคามันก็ไม่ได้งาน แล้วก็ไม่มีเงินกินข้าว ก็จะวนอยู่แบบนี้ อยากจะบอกน้องๆ ที่กำลังจะจบว่าอย่าเพิ่งมาเป็นฟรีแลนซ์ หยุดความคิดนี้ทุกคน 

ถ้ารุ่นพี่เนี่ยจะพูดว่าอย่าเพิ่งจบออกมาเป็นฟรีแลนซ์ เพราะหนึ่งคุณยังไม่รู้ระบบเลย ถามหน่อยว่าคุณทำเป็นรึยัง ทำสัญญาเป็นมั้ย รู้รึเปล่า invoice ยังไง การจ่ายภาษีเป็นแบบไหนคือถ้ายังไม่รู้สิ่งเหล่านี้จะออกมาเป็นฟรีแลนซ์ได้ไงหรือถามตัวเองกลับไปก็ได้ว่า ถ้าอยากออกมาเป็นฟรีแลนซ์จะหางานจากไหน ถ้ายังไม่ลิสต์ยาวๆ ออกมาอย่ามาเป็นฟรีแลนซ์คือไม่รู้วิธีหางานออกมาก็จะแค่ได้นั่งวาดรูปแล้วก็โพสต์ไอจีลงเฟสบุ๊คของตัวเอง อย่างมากก็เพื่อนแชร์แต่นี้มันไม่ใช่วิธีหางานคือมันก็ต้องวางสเต็ปหางานนิดนึง เหมือนตอนที่ปอมจบมาใหม่ๆ ช่วงนั้นค้นหาตัวเองก็จะไปฝึกงานอยู่บริษัทเอเจนซี่ดีวายแอนด์อาร์หรือจะไปเป็นกราฟฟิกอยู่เกรย์บทที่ได้สูงสุดตอนนั่นมันเป็นเรื่องของระบบ ปอมเข้าใจว่าลูกค้ามาบัทเจ็ทก้อนนึงส่งให้เอเจนซี่ เอเจ้นท์เอาบัทเจ็ทออกมาแตกแล้วเราเป็นฟรีแลนซ์เราอยู่สเต็ปไหนการทำงานกับเอดีเอเอ็มเอบีเป็นยังไงกราฟฟิกของเอเจนซี่ไฟล์งานเพื่อส่งพิมพ์มาต่างจากไฟล์งานที่เราเห็นในคอมยังไงวิธีการส่งพิมพ์วิธีการคุยกับโรงพิมพ์คุยกับ Suppliers เยอะแยะมากมายเราจะไม่รู้เลยถ้าเราไม่ได้อยู่ในบริษัท ปอมเลยคิดว่าการทำงานอยู่ในบริษัทซักสองปีหลังเรียนจบเป็นเรื่องที่สำคัญ

คิดอย่างไรกับงาน commercial มีผลต่อนักออกแบบ ดีไซเนอร์ยังไงบ้าง

มันเป็นเรื่องที่ดีนะคะ ทั้งวงการนักออกแบบ ได้งานกันเยอะขึ้น เพียงแต่อยากจะบอกกับนักออกแบบว่า อาจจะต้องสามัคคีกันนิดนึง เพื่อไม่กดราคากันและกัน เรื่องปัญหาการกดราคา ปอมได้ยินจากน้องๆ เด็กรุ่นใหม่เยอะมาก สมมุติว่าถ้าเราสแตนดาร์ดราคาว่าน้องๆ ที่จบใหม่เริ่มต้นด้วยเงินเท่านี้ ไม่มีใครกดราคากัน ลูกค้าก็ต้องจ่ายในราคาเท่ากันหมด ลูกค้าก็จะดูที่ฝีมือ แต่สมมุติว่ามีคนนึงตั้งราคาที่ตกลงมา 50 % ลูกค้าก็จะเลือกคนนั้น ระบบมันก็จะไม่พัฒนาไปไหน เพราะคิดถึงแต่ว่าถ้าเราตัดราคา เราก็จะได้งาน ปอมเลยอยากให้นักออกแบบ และดีไซเนอร์ทุกคนสามัคคีกันแชร์ information กันดีกว่า คือ แชร์เลยว่าลูกค้าไหนโอเค ไม่น่าทำงานด้วย เราควรจะเปิดกว้างกว่านี้

อยากฝากอะไรถึงน้องๆ ที่ชอบวาดภาพแล้วกำลังมีความฝันด้านนี้

คือการมีความฝันเกี่ยวกับการวาดภาพเป็นเรื่องดี เพราะจริงๆ อาชีพปอมก็เริ่มจากความฝันตรงนั้น แต่แค่อยากจะบอกว่า ถ้าเราลองคิดเล่นๆ ดูว่า 100 คนมีความฝันเดียวกับเรา เราจะทำยังไง ให้เราโดดเด่นขึ้น ให้มีคนจ้าง เพราะถ้าอย่างงั้น ต่อให้เราวาดรูปเทพมาก ก็อาจจะมี 20 คนที่วาดได้เทพเหมือนเรา มันจะเป็นไปได้มั้ยนอกจากเราวาดรูปเก่งมาก เรายังทำอย่างอื่นเป็นด้วย คือ เรายังมีอีกสกิลนึงที่แข็งขึ้นมาเหมือนกัน ในขณะที่คนอื่นไม่มี อย่างนี้ก็จะช่วยได้ เช่นบางคนมีสกิลการทำกราฟิกเก่งมากหรือมีสกิลแพ็คเกจเก่งมาก ซึ่งทุกวันนี้เราไม่ได้มีสกิลเดียวกันแล้ว

เห็นพี่ปอมชอบตกแต่งบ้านอยากทราบว่าพี่ปอมตกแต่งสไตล์ไหน?

ถ้าแนวที่ชอบจริงๆ คงเป็นแนวมิกซ์แอนด์แมทซ์ ปอมจะชอบแนวเฟอร์นิเจอร์เบา ไม่ค่อยชอบ build in เท่าไหร่ ชอบซื้อของที่นู้น ที่นี่ผสมกัน เหมือนเวลาไปเมืองนอก เดินตลาดของเก่า ซื้อสิ่งนึงมาผสมกับของใหม่สไตล์โปร่งๆ เวลาว่างก็จะจัดทั้งบ้านจัดทั้งสตูดิโอ เป็นผู้หญิงที่รกอย่างมีระเบียบ แต่จะไม่สกปรกนะคะ ชอบจัดชอบซื้อของจุกจิก ชอบดอกไม้ ต้นไม้ จริงๆ ที่คอนโดก็มีมุมปลูกต้นไม้ที่ระเบียงเล็กน้อย แล้วก็เลี้ยงปลา เพราะคอนโดที่ปอมอยู่ จะตกแต่งอะไรมากไม่ค่อยได้

อยากให้พี่ปอมฝากผลงานหน่อยค่ะ

ตอนนี้มีงานวาดกำแพงไว้ที่ Rinahey เป็นร้านเฟอร์นิเจอร์ที่ปอมชอบมาก นึกว่าเป็นของเมืองนอกนำเข้ามา เห็นทำที่ Chic Republic ด้วย ที่มารับงาน Rina Hey เพราะอยากวาดแล้วก็ชอบสไตล์เฟอร์นิเจอร์ และอยากเปลี่ยนสถานที่ทำงานด้วย พอดูสไตล์เฟอร์นิเจอร์ รู้สึกว่ามีความโปร่ง เลยรู้สึกอยากเอาพวกใบตาล ใบกล้วย มาเป็นส่วนประกอบในผลงาน เพราะรู้สึกว่าอยู่ที่ไหนก็อยากมีสีเขียว ซึ่งในการวาดครั้งนี้ใช้เวลาสี่วันค่ะ ใครที่แวะมาที่ Rina Hey ก็ลองมาดู มาถ่ายภาพกันได้

ความรู้สึกแรกที่มา Rina Hey

ก็รู้สึกว่าประหลาดใจกับที่นี่  เดินเข้ามามันไม่เหมือนร้านเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป คือ มันมีอะไรเยอะแยะไปหมด และรู้สึกว่าโปร่ง โล่ง สบาย รู้สึกว่าที่นี้มันมีอะไรหลายอย่าง คือ ไม่จำเป็นว่ามาร้านเฟอร์นิเจอร์แล้วต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ แต่เหมือนพอเราเดินเข้ามาเราได้อินสปายบางอย่างเหมือนเราเดินดูแล้วได้อินสปายในการคิดงานกลับไป

สุดท้ายก็อยากให้ฝากถึงคนที่จะมา Rina Hey หน่อยคะ

ตอนแรกปอมนึกว่าจะมายากแต่ดูแล้วมาไม่ยากเลยค่ะ จะตั้งอยู่เส้นราชพฤกษ์แค่  Search คำว่าชิค รีพับบลิค ราชพฤกษ์ ก็เจอเลย โดยก่อนถึงสังเกตุง่ายๆ จะมีโรงเบียร์ฮอลแลนด์ก่อนถึง เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบสไตล์แนว Loft แค่อาจจะไกลจากบางคนนิดหน่อย ปอมคิดว่ามันน่ามานะ ข้อดีคือการที่มันอยู่ตรงนี้ด้วยมันเลยกลายเป็นที่ที่ใหญ่มาก แล้วเราใช้เวลา 2 -3 ชั่วโมงในการเดินดู ใครไม่มาถือว่าพลาดมาก

สามารถติดตามผลงาน ของคุณ Pomme Chan ได้ที่

Facebook : Tachamapan Chanchamrassang

Facebook page : Pomme Chan

Website : http://www.pommechan.com/

Writer : Plowhy

Photographer : Chayang Chayangkul