เปิดประสบการณ์สุด Exclusive กับหนุ่มแนวคิดสุดเจ๋ง “เปอร์ สุวิกรม”

Suvikrom Amranand

Interview

_MG_3215
“เมื่อก่อนผมคิดว่า อยากจะประสบความสำเร็จแต่ ณ ตอนนี้ ผมกลับรู้สึกว่า ถ้าเราประสบความสำเร็จแล้วความล้มเหลวก็จะรอเราอยู่ ซึ่งมันเป็นของคู่กัน ผมเลยขอเลือกแบบกลางๆ ดีกว่า
 
ส่วนการใช้ชีวิต
 
ผมก็ใช้ชีวิตไปในแต่ละวันปกติ คิดเพียงว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เรียงลำดับความสำคัญมากไปน้อย แค่นั้นเอง”

หากจะมองการใช้ชีวิตเป็นแค่เพียงเรื่องผิวเผิน  ก็ไม่ต่างไปจากคนทั่วไปกับการใช้ชีวิตในรูปแบบคนธรรมดาที่ชื่นชอบในแฟชั่น ดนตรี กีฬา และท่องเที่ยว แต่ลึกลงไปใครจะรู้ว่าการค้นพบตัวเอง ความชอบและทำในสิ่งที่รักเป็นความสุขที่ยากที่จะอธิบาย เลือกเรียนรู้ชีวิตคนหลากหลายประเภทด้วยการนำสิ่งดีๆ มาปรับใช้ และนำสิ่งที่ไม่ใช่ เป็นคติสอนชีวิตเพราะเลือกที่จะเริ่มต้นด้วยการคิดดีเพื่อจะได้นำมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตที่ดีและมีคุณภาพทำให้ทุกวินาทีของเขามีแต่ความสุขกับหนุ่มที่ใครหลายคนคงรู้จักกันดีจากหนังเรื่อง Final Score (2007) 365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์ “เปอร์ สุวิกรม”

วันนี้ lookbook.th ขอพาเพื่อนๆ ไปรู้จักตัวตนของเค้าให้มากขึ้น พร้อมเรื่องราวสุดเจ๋งของรายการ Perspective ว่าแต่พี่เปอร์จะมีเรื่องราวอะไรมาบอกเล่าให้พวกเราฟังกันบ้าง งั้นเราไปติดตามพร้อมๆ กันเลยดีกว่า

มาทำความรู้จักกับพี่เปอร์กันก่อนดีกว่า

สวัสดีครับผม เปอร์ สุวิกรม อัมระนันทน์ ตอนนี้อายุ 28 ปี จบปริญญาตรีวิศวกรรมโยธา จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี บางมด โดยผมใช้ชีวิตถึง 9 ปีกับการเรียนที่มหาวิทยาลัย ถึงแม้ว่าสาขาที่ผมเรียนจะไม่ค่อยได้นำมาใช้กับการทำงานจริงๆ เท่าไหร่ แต่สิ่งที่ผมได้จากวิศวกรรมศาสตร์คือทำให้ผมรู้จักกระบวนการคิดที่เป็นแบบแผนมากขึ้น จนเริ่มมาเป็นรายการ Perspective ทุกวันนี้แหละครับ

งานอดิเรกก็ ตีกอล์ฟ เล่นพลู ฟังเพลง เป็นดีเจ แล้วก็ไปเที่ยวครับ ส่วนไลฟไตล์ของผม น่าจะเป็นการทำงานน่ะครับ

พี่เปอร์เป็นคนนิสัยยังไงคะ

ผมเป็นคนที่มีนิสัยหลายคาเร็คเตอร์ ขึ้นอยู่ตามช่วงเวลาและเหตุการณ์และเป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเองสูงมาก ประมาณว่า ผมชอบไปที่ที่มีคนเยอะๆ แต่ผมชอบอยู่คนเดียว เป็นคนเกเรแต่ผลการเรียนดี เป็นคนเกเรแต่พูดจาสุภาพ เป็นคนที่ชอบทำอะไรอย่างหลายๆ อย่าง จึงทำให้เข้าใจคนในหลากหลายรูปแบบ 

ทำให้รู้ว่าการทำอาชีพพิธีกร เป็นอาชีพที่ผมอยากทำมากที่สุด เพราะว่าเป็นอาชีพที่ตอบสนองความต้องการของตัวเอง แถมยังได้เรียนรู้ผู้จากคนมากมาย และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อีกด้วย

เริ่มทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่คะ

ผมเริ่มทำงานแบบหาเงินเล็กๆ น้อยๆ ตอนสมัยที่อยู่ ป.5 ป.6 แต่ถ้าเริ่มทำงานแบบมีเงินเดือนเลยก็ตอนอายุ 18 ปี โดยงานแรกคือเป็นดีเจ จัดรายการวิทยุที่ fat radio พอหลังจบ ม. 6 ก็ได้เล่นหนังเรื่อง Final Score (2007) 365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์ หลังจากที่ได้เล่นหนังเรื่องนี้ก็เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นครับ

ส่วนการแบ่งเวลาในการทำงานและการเรียน ผมจะใช้วิธีการ ไม่รับงานในขณะเรียน ส่วนมากจะรับจัดรายการวิทยุตอนกลางคืนซะมากกว่า

_MG_3314

ตอนที่ได้เล่นหนังเรื่อง Final Score (2007) รู้สึกยังไงบ้างคะ

ตอนนั้นก็รู้สึกเฉยๆ นะ เพราะเราก็ใช้ชีวิตปกติ แค่มีกล้องมาตามถ่าย ซึ่งถ้ามาคิดตอนนี้ผมอยากจะขอบคุณทีมงานมากๆ ที่อดทนกับผมได้ ถ้าย้อนไปในสมัยนั้น ผมเป็นคนที่ชอบเรียนรู้และเป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเองสูงมาก ไม่มีใครสามารถคาดเดาอะไรในตัวผมได้เลย เพราะเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เคยฝืนความรู้สึกตัวเอง ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ผมคิดแค่ว่า ตราบใดที่ไม่ได้ทำตามใจตัวเองจนเกินไปก็จะไม่เกิดปัญหา แต่ถ้าตามใจตัวเองจนเกินไป ก็อาจจะนำภัยมาให้ตัวเองได้ ประสบการณ์จะบอกเราเอง ว่าควรแบ่งเส้นตรงไหนถึงจะมีความพอดี หนังเรื่องนั้นบอกตัวตนผมได้อย่างชัดเจนครับ

“รายการ Perspective เป็นเหมือนรายการที่คอยให้กำลังใจคนที่ยังค้นพบตัวตนไม่เจอ หรือคนที่ท้อแท้กับการใช้ชีวิต เพื่อให้มีกำลังใจในการผจญภัยในการค้นหาตัวตน จนนำไปสู่ความประสบความสำเร็จ

ผมต้องขอบคุณแขกรับเชิญที่มาร่วมรายการทุกคนที่มีเจตนาเดียวกัน”

_MG_3295
_MG_3316
อยากให้เล่าถึงที่มาของรายการ Perspective หน่อยคะ

เกิดขึ้นตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเลยครับ แม่ไม่อยากให้ทำงานในวงการนี้ เพราะเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคงและไม่รู้ว่าเค้าจะเลิกจ้างเราเมื่อไหร่ ตอนนั้นเลยคิดว่า ถ้าอย่างนั้นเราเปิดบริษัทเป็นของตัวเองเป็นนายตัวเองดีกว่าโดยการจ้างตัวเองมาทำงานจึงเกิดเป็นรายการ Perspective นี่แหละครับ แต่ก่อนที่จะทำเป็นรายการของตัวเอง ผมได้ทำรายการมาหลายรายการแล้วเหมือนกัน อย่าง THEIDOL , คนค้นคน แล้วก็มานั่งคิดว่า มันเป็นสิ่งที่เราอยากจะทำรึเปล่า

และมีวันนึง ช่วงเวลาเรียนในมหาวิทยาลัย คนอื่นเค้าตั้งใจเรียน แต่ผมนั่งเขียนรายการ ว่าอยากทำรายการแบบนี้นะ จึงคิดรายการมา 1 รายการในกระดาษว่า รายการชื่ออะไร ทำเพื่ออะไร เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร หลังจากนั้นเวลาผ่านไป 6 – 7 ปี เราจึงได้ทำรายการที่เราเขียนไว้ รายการที่เราจะทำคือ เป็นรายการเกี่ยวกับการเรียนรู้มนุษย์เพราะผมเป็นคนสนใจมนุษย์ ชอบสังเกตคนและต้องการที่จะเข้าถึงคน เพื่อเข้าใจถึงความแตกต่าง ระหว่างเค้ากับเรา ถ้าเราไม่มีแบบเค้าจะทำยังไงถึงจะมีแบบเค้าได้ รายการ Perspective เหมือนเป็นคู่มือในการนำทางไปหาตัวตนที่แท้จริง เนื่องจากผมค้นพบตัวเองว่าชอบอะไร เป็นคนยังไง ใช้ชีวิตยังไงได้ตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ แต่เมื่อมองไปหาคนรอบข้างนั้น กลับพบว่าเค้ายังไม่มีคู่มือในการนำทางไปหาการใช้ชีวิตหรือหาตัวตนที่แท้จริง ทำให้บุคคลเหล่านั้นรู้สึกอยากออกผจญภัย เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงค้นพบการใช้ชีวิต

ที่มาของชื่อรายการ Perspective

ที่มาของชื่อรายการ เกิดจากหุ้นส่วนชื่อ พี่โอ๋ พิสุทธิ์ มหพันธ์ ตอนนั้นผมได้เล่าคอนเซปไปว่า ต้องการจะพาคนไปเที่ยว ไปใช้ชีวิตอยู่กับเค้าที่ไม่ใช่แค่นั่งสัมภาษณ์กัน แต่เพื่อให้เห็นว่าเค้าใช้ชีวิตยังไง คิดยังไง ทำอะไรบ้าง พี่โอเลยบอกว่างั้นเอาชื่อ Perspective เลยล่ะกัน จะได้ลิ้งค์กับชื่อของเปอร์ด้วย

คำว่า Perspective ถ้าแปล คือ การมองในมุมลึก คนเรามีมุมมองในการคิดไม่เหมือนกัน สิ่งของอย่างเดียวกันเราอาจจะมองไม่เหมือนกับคนอื่นก็ได้ เราจึงอยากลดปัญหาการขัดแย้งหรือการทะเลาะในมุมมองที่ต่างกันไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน จึงนำสัจธรรมเล่าผ่านรายการให้เห็นอีกนัยยะนึงว่า Perspective มันแตกต่างกันให้เห็นในมุมมองอีกด้านนึง เพื่อให้เค้าเข้าใจและเชื่อมโยงกับคนเก่งๆ เพื่อให้คนอื่นได้เห็นมุมมองว่าคนเหล่านี้ใช้ชีวิตหรือคิดยังไง ให้คนได้เห็นที่มาของ Perspective ที่สำคัญก็คือ เวลาเท่านั้นที่จะเป็นตัวพิสูจน์

_MG_3251

พี่เปอร์อยากกให้คนดูได้อะไรจากรายการนี้คะ

รายการ Perspective เป็นเหมือนรายการที่คอยให้กำลังใจคนที่ยังค้นพบตัวตนไม่เจอหรือคนที่ท้อแท้กับการใช้ชีวิต เพื่อให้มีกำลังใจในการผจญภัยและในการค้นหาตัวตน เพื่อนำไปสู่ความประสบความสำเร็จ ผมต้องขอขอบคุณแขกรับเชิญ ที่มาร่วมรายการด้วยเจตนาเดียวกัน เพื่อหวังว่าเมื่อคนที่ประสบกับความทุกข์ให้เค้าได้ดูและเป็นแรงบันดาลใจ พร้อมทั้งเป็นหนทางการพ้นทุกข์ที่แขกรับเชิญนั้นได้ประสบมาก่อน ทำให้มีแฟนรายการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะรายการเราเหมือนทำให้ผู้ชมรายการนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่อยากนำสิ่งดีในรายการ ให้เพื่อนหรือครอบครัวได้รับสิ่งดีๆ และประโยชน์ที่ได้จากรายการไปพร้อมๆ กันครับ

กระแสตอบรับจากรายการเป็นยังไงบ้างคะ

รายการ Perspective เป็นรายการใหม่ แต่ได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะการนำเสนอยังไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน ฐานคนดูรายการเราจึงโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะได้เห็นได้จาก feedbackในเฟสบุ้ค ผมคิดว่าคนสมัยนี้นั้นคิดฉาบฉวยโดยปราศจากความรู้จริง อย่างเช่นอยากเปิดร้านเบเกอรี่ เพราะมันสวยดี แต่คุณเคยคิดมั้ยว่า ทำยังไงให้ได้กำไร ทำยังไงให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จัก มีลูกค้ามากมาย เราเลยพยายามอยากให้เห็นคนจริงๆ ที่เป็นตัวจริง ในการทำอะไรสักอย่างแล้วประสบความสำเร็จ หรือคนที่อยู่ได้ยาวนาน มีมุมมองมีความคิดแล้วมีการฝึกตัวเองยังไง เราอยากให้คนดูนั้นมองอะไรให้ลึกซึ้งมากขึ้น 

_MG_3309

มีวิธีการสัมภาษณ์และเลือกแขกรับเชิญยังไงบ้างคะ

แขกรับเชิญและสถานที่ที่ทางรายการได้จัดเราจะมีทีมงานขอบริษัท แบล็ค ดอท ของเปอร์เอง ซึ่งเราจะมีการวางโครงเรื่องและค้นคว้าหาข้อมูลของแขกรับเชิญแต่ละคน ว่ามีเรื่องอะไรที่น่าสนใจและนำเรื่องเหล่านั้น มาทำพล็อตเรื่อง ให้เป็นโครงเรื่องตามที่เราคิดไว้ หลังจากนั้นเราจะเดินทางไปเที่ยว เพื่อให้เหมาะสมกับคาแล็คเตอร์ของแขกรับเชิญ เพื่อให้เห็นถึงศักยภาพของเค้า และเมื่อเราไปสถานที่เหล่านั้น เค้าจะได้แสดงศักยภาพให้เราเห็นได้อย่างเต็มที่ อย่างเช่น ถ้าเค้าชอบถ่ายภาพก็จะพาเค้าไปถ่ายภาพ , ถ้าเค้าเปิดร้านขายหมูปิ้ง เราก็ตามไปถึงโรงงานของเค้า ให้เค้าพาเราไปรู้จักตัวตน และวิถีการใช้ชีวิตของเค้าให้มากขึ้น ส่วนในเรื่องการสัมภาษณ์นั้น ผมไม่มีวิธีการหรือเรียนจากไหนมา ผมเอามาจากการใช้ชีวิตจริงๆ ไม่ได้พยายามให้เป็นอย่างอื่น เลยทำให้การสัมภาษณ์นั้นดูเป็นธรรมชาติครับ

_MG_3187
_MG_3172
สุดท้ายอยากจะฝากอะไรถึงคนที่ติดตามและยังไม่ได้ติดตามรายการบ้างคะ

ผมขอบอกก่อนเลยว่า สิ่งที่เปอร์ได้จากทำรายการนี้ คือ การทำธุรกิจ การเปิดบริษัท ได้เรียนรู้การบริหารคน เรียนรู้ในการสอนคนให้มีประสิทธิภาพและพัฒนามากยิ่งขึ้น รายการ Perspective เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจในการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือคุณต้องลงมือทำด้วยตัวเค้าเอง ต้องออกไปหาด้วยตัวเอง สุดท้ายแล้วคนเราก็จะมีหนทางเป็นของตัวเอง มันไม่มีทางลอกเลียนแบบได้ ไม่มีทางเป็นเหมือนกันได้ ความจริงคือคุณจะรู้ได้ดีจริงคือคุณต้องลงมือปฏิบัติเอง ยังไงผมก็ขอฝากติดตามรายการ Perspective ด้วยนะครับ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 21.45 น. ทาง MCOT HD ช่อง 30/40 หรือสามารถตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Facebook page : perspectiveTV

Instagram : perspectivetv

Writer : Plowhy

Photographer : Chayang Chayangkul