ก้าวแรกในการเป็นนักเขียนของศิลปินหนุ่ม “แม็กซ์ เจนมานะ”

Nattawut Jenmana

Interview

“ผมไม่ใช่คนติสท์ แต่ผมเป็นคนป็อปๆ” 

คำพูดสั้นๆ แต่สื่อถึงความเป็นตัวเอง ของหนุ่มหล่อ เสียงดี แม็กซ์ ณัฐวุฒิ เจนมานะ หรือส่วนใหญ่จะรู้จักกันในนาม แม็กซ์ เดอะว๊อยซ์ นอกจากหนุ่มแม็กซ์จะทำงานด้านวงการดนตรีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ดูจะจริงจังและชื่นชอบพอๆกับการเป็นศิลปิน คือ การเขียนหนังสือหรืออาชีพนักเขียน ซึ่งตอนนี้หนุ่มแม็กซ์ได้เขียนหนังสือออกมาให้แฟนๆได้ติดตามกันถึง 2 เรื่องแล้ว อย่าง Strange to meet you น่าแปลกที่แปลกหน้า และ The Boy Who Never Grows เด็กไม่รู้จักโต โดยทั้ง 2 เรื่องนี้ แต่จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรนั้น วันนี้ lookbook ก็ไม่พลาดที่จะหาคำตอบมาให้เพื่อนๆได้ทราบกันค่ะ

เรามาทำความรู้จักกับคุณแม็กซ์  กันก่อนดีกว่า

 สวัสดีครับ ผม แม็กซ์ ณัฐวุฒิ เจนมานะ หรือที่รู้จักกันดีก็ แม็กซ์ เดอะวอยซ์ นี่แหละครับ ปัจจุบันผมเป็นดีเจ นักดนตรี แล้วก็นักเขียน ส่วนไลฟ์สไตล์ของผม วันหยุดก็จะทำงานครับ (หัวเราะ) จริงๆผมก็ไปเที่ยวบ้าง อย่างทะเล ภูเขา ตึก ไปได้หมด และส่วนมากผมจะชอบไปเที่ยวคนเดียว เพราะคิดว่าเราจะได้เห็นในสิ่งที่เราอยากเห็นและก็กลัวคนอื่นรำคาญ บางครั้งคนอื่นอาจจะอยากไปนู้นไปนี่ จะได้ไม่ต้องรอผม แต่นานๆทีก็จะมีทริปที่ไปกับ คนที่อยากไปกับเรา ในระหว่างไปเที่ยวแต่ละครั้งของผมนั้น ถ้าผมเจอสิ่งที่น่าสนใจ ก็จะจดใส่สมุดเอาไว้ เพื่อเอามาทำหนังสือ บางครั้งก็แต่งเพลง

เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอยากเป็นนักเขียนตั้งแต่เมื่อไหร่

จริงๆผมจะเริ่มต้นจากการอ่านก่อน แล้วก็มาเริ่มการเขียนตอนอายุ 11 ปี ตอนนั้นผมจะชอบอ่านพวก แฮรี่ พอตเตอร์ มาก จนถึงต้องยืมคอมพ่อมาเขียนเป็นเรื่องราว ชื่อว่า อภินิหารดาบสีเงิน พอเขียนเสร็จผมก็จะให้พ่อแม่อ่าน ตอนไปเรียนต่างประเทศผมก็เคยเขียน จนได้ A ผมเลยรู้สึกว่า เออเราก็เขียนได้นี่หว่า และก็มาเขียนจริงจังตอนหลังจากการแข่งขัน เดอะวอยซ์ เสร็จ จากนั้นผมก็เริ่มเขียนคอลัมน์ให้บางนิตยสารอย่าง Cheeze Magazine บ้างแล้วก็ a day   บ้าง ส่วนมากคอลัมน์ที่เขียนจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับดนตรี  รีวิวหนัง และรีวิวการท่องเที่ยวครับ

8

บอกที่มาของหนังสือแต่ละเล่มให้เราได้รู้จักกันหน่อย

strance

“Strange to meet you
น่าแปลกที่แปลกหน้า”

ชื่อนี้ มาจาก nice to meet you ยินดีที่ได้รู้จัก แต่ Strange to meet you คือ แปลกที่ได้รู้จักคุณ  ที่ผมเริ่มมาเขียนเล่มนี้ได้เป็นเพราะ บ.ก.  เคยเห็นเราเขียนคอลัมน์ต่างๆลงหนังสือ จึงชวนมาให้ทำหนังสือด้วยกัน ช่วงนั้นผมเที่ยวบ่อยมาก ได้เจอคนมากมาย เค้าเลยลองให้ผมมาเขียนเรื่อง คนแปลกหน้า แล้วผมก็เป็นคนชอบเขียนอยู่แล้วจึงตอบตกลงไป พอได้มาลองเขียนดู บ.ก.ก็ชอบ จึงออกมาเป็นหนังสือเล่มนี้

ซึ่ง Strange to meet you จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตัวผมเอง และเป็นเรื่องของคนแปลกหน้าที่เจอในชีวิตจริง อาจจะได้เจอแล้วผ่านไป หรือคนแปลกหน้า อย่างพ่อแม่ ที่เราคิดว่าแปลก เราก็จะนำมาเล่าให้ฟัง ซึ่งคนแปลกหน้าในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จักนะครับ แต่หมายถึงคนที่แปลกๆ มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี มันเป็นสีเทาๆ ผมเลยสามารถเล่าได้ว่า บางคนไม่ได้ดีเท่าไหร่ แต่เล่มนี้ดีตรงที่ว่า มันทำให้ผมได้รีวิวตัวเองเกือบทั้งชีวิตว่าเคยคิดกับคนๆนั้นอย่างไร การได้เขียนเล่มนี้เหมือนเป็นการปลดปล่อยตัวเอง จริงๆถ้าเป็นนักอ่านนักเขียน ลองได้เขียนเรื่องตัวเองสักครั้งในชีวิต มันก็จะดีกับตัวเองมากครับ

“The Boy Who Never Grows
เด็กไม่รู้จักโต”

 เล่มนี้จะเป็นนิยาย ของเด็กคนนึง ที่ไม่รู้จักโต แก่นของเรื่องคือ ผมว่าทุกคนมีความเป็นเด็กในตัว ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ขนาดไหน ไม่ว่าจะดูขรึมขนาดไหน หากมีอะไรมากระทบที่เป็นจุดอ่อนของเขา จะรู้สึกว่าเค้าอยากจะปล่อยตัวเอง ซึ่งผมก็มีปัญหาอยู่ตอนที่เขียนเล่มนี้คือ ผมไม่อยากโต ผมปฎิเสธการใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ เรายังอยากเป็นเด็ก แต่ต้องมาดูแลตัวเอง ดูแลคนอื่น เราจึงใช้เล่มนี้พยายามรักษาตัวเอง

เล่มนี้เหมือนเป็นบทสรุปทุกอย่าง ผมชอบเพราะมันอบอุ่นดี ผมเขียนขึ้นจากอินเนอร์ส่วนตัวล้วนๆ อย่างตอนจบ บทสุดท้าย ผมใช้เวลาในการเขียนแค่ครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จ ผมเขียนขึ้นจากอินเนอร์ส่วนตัวล้วนๆ หลังจากที่ผมได้เขียนเล่มแรกแล้วก็รู้สึกว่าได้เป็นนักเขียนจริงๆ และถ้าเราทำเล่มนี้สำเร็จอีก ก็จะเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนจริงๆได้สักที เพราะเล่มนี้เป็นเรื่องที่เราชอบตั้งแต่เด็ก ผมเป็นคนชอบอ่านวรรณกรรมเยาวชน เรื่องแต่ง และฟิกชั่น หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมได้รีวิวตัวเองและได้ฝึกมือจริงจังซึ่งยากกว่าเล่มแรกมาก

theboy

6

 

2

ความแตกต่างของหนังสือแต่ละเล่ม

Strange to meet you น่าแปลกที่แปลกหน้า
เล่มแรกไม่ได้ง่าย แต่เล่มสองยากกว่ามาก เพราะเป็นเรื่องของตัวเอง คราวนี้เราก็จะมีภาพในหัวละ เราก็นำมาเขียน ซึ่งจะแตกต่างจากการเขียนคอลัมน์ เพราะอันนี้จะตั้งใจเขียนเป็นความเรียงซึ่งเราก็เขียนอยู่บ้างแต่ส่วนใหญ่เราจะอ่านเยอะ ผมใช้เวลาในการเขียนเล่มนี้ครึ่งปี จริงๆใช้เวลาเดือนสองเดือนก็เสร็จแล้ว และอ่านง่าย เห็นภาพชัดเจนมากกว่า

The Boy Who Never Grows เด็กไม่รู้จักโต
เล่มนี้เป็นเล่มที่ 2 ซึ่งเนื้อหาในเล่มนี้จะใช้คำพรรณนาและใช้จินตนาการค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นวรรณกรรมเยาวชน จะแตกต่างจากภาษาทั่วไป ส่วนความยากในการเขียนหนังสือแต่ละเล่ม คือ ผมไม่ค่อยมีวินัยครับ ผมจะเขียนไปเรื่อยๆ ถ้าไม่พอใจ ก็จะฉีกทิ้ง แล้วก็แก้ จึงทำให้ใช้เวลานาน  ผมเลยต้องมาปรับตัวเองใหม่ โดยการเขียนทุกวันให้ได้ครับ

 

แล้วคุณแม็กซ์ชอบอาชีพนักเขียนหรือศิลปินมากกว่ากัน
ถามแบบนี้ ทำเอาผมหนักใจเลยครับ (หัวเราะ) จริงๆผมก็ชอบทั้งสองอย่างเลยครับ ก็อย่างที่บอกว่าผมชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก และการทำงานทั้ง 2 อย่างนี้ ก็ มีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง ถึงการเขียนหนังสืออาจจะต้องใช้เวลาในการเขียนมากกว่า การแต่งเพลง เพราะเนื้อหาในหนังสือจะค่อนข้างยาว แต่เพลงจะมีเนื้อหาเพียงสั้นๆ กระชับ ได้ใจความ ซึ่งในชีวิต ผมจะพยายามโฟกัสเรื่องเพลงกับหนังสือให้มันพอดีกันและจะพยายามจริงจังที่สุด

ในอนาคตมีแพลนอยากจะทำอะไรอีกมั้ย
จะมีหนังสือเล่มใหม่ ตอนนี้กำลังเขียนแล้วครับ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องสั้น และในหนังสือเล่มหน้า ผมตั้งใจจะวาดภาพประกอบด้วยตัวเอง แต่จะสวยหรือเปล่า อีกเรื่องนึง (หัวเราะ ) ส่วนอีกเล่มผมอยากจะเขียนเกี่ยวกับในเรื่องของวงการดนตรี และการทำงานในวงการดนตรีครับ

อยากจะฝากอะไรถึงคนรุ่นใหม่บ้างมั้ยคะ
ถ้าอยากทำอะไร ให้ทำไปเลย เพราะแรงบันดาลใจมีอยู่ทุกที่ ถ้ามัวแต่รอแล้วไม่ได้เริ่ม ก็คงไม่ได้ทำอะไรพอดี  แรงบันดาลใจที่ดี ควรสร้างจากวินัย เพราะถ้าวินัยมา งานก็มา มีฝันอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องเริ่มทำด้วย แรงบันดาลใจของผมคือ deadline ครับ

สุดท้ายช่วยฝากผลงานให้กับแฟนๆหน่อยค่ะ
ผมขอฝากหนังสือ “Strange to meet you น่าแปลกที่แปลกหน้า” กับ“The Boy Who Never Grows เด็กไม่รู้จักโต” สองเล่มนี้ด้วย และตอนนี้เป็นดีเจทุกเช้า จันทร์ถึงศุกร์  8  โมงเช้าถึง 10 โมง ที่ 88.5 eds  แล้วก็มีเพลงที่ปล่อยล่าสุด ชื่อเพลง เกาะมันนอก เป็นเพลงเกี่ยวกับเกาะมันนอก สามารถเข้าไปรับชมและรับฟังได้แล้วที่ youtube หรือ Facebook fanpage นะครับ

3

สามารถติดตามผลงานของหนุ่มแม็กซ์เพิ่มเติมได้ที่ facebook.com/max.jenmana 

Writer : Plowhy

Photographer :  Ongart Ketudom

Written By
More from Plowhy